ครอบครัวช่างแต่งหน้าชาวเวียดนามใจสลาย ลูกชาย คือ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ
จากเหตุสลดมีผู้เสียชีวิต 6 ราย ในโรงแรมดังใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวเวียดนามสัญชาติเวียดนาม 4 คน และสัญชาติอเมริกัน 2 คน นั้น โดยในเวลาต่อมาได้มีการเปิดเผยว่า 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นช่างแต่งหน้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศเวียดนาม ชื่อว่า Mr. Tran Dinh Phu (อายุ 37 ปี)
หลังข่าวการเสียชีวิตถูกเผยแพร่ออกไปก็มีแฟนคลับและผู้ที่ติดตามเข้ามาแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับครอบครัวของเขาที่เพิ่งจะได้รับทราบข่าวเศร้าการจากไปของหนึ่งสามชิกภายในครอบครัวอย่างไม่มีวันกลับ โดยครอบครัวเปิดเผยว่า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหลังจากเห็นข่าวการเสียชีวิตของชาวเวียดนามที่ประเทศไทย และช็อกมากกว่าเดิมเมื่อเห็นภาพของผู้เสียชีวิตซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นลูกของพวกเขา
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องตารางงานของเขามากนัก รู้แค่เพียงว่าเขาเดินทางไปประเทศไทยเพื่อแต่งหน้าในงานแต่งงานของมหาเศรษฐีชาวไทย ด้วยความสามารถด้านการแต่งหน้าของเขา ทำให้มีคนติดต่อเข้ามาจำนวนมาก และเขาจะเดินทางไปทุกที่ ส่วนใหญ่จะเป็นต่างประเทศ”
“ส่วนการเดินทางไปประเทศไทยของลูกชายในครั้งนี้นั้นถือว่ามันกะทันหันมาก เขาเพิ่งจะกลับมาอยู่ที่ดาดังได้ไม่นาน หลังใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างแดน แต่เมื่อคืนหลังจากที่เห็นข่าวการเสียชีวิตของชาวเวียดนามในประเทศไทยด้วยสาเหตุจากการถูกวางยา และมีภาพพร้อมกับชื่อปรากฎบนทีวี แม่ของเขาเป็นลมนับครั้งไม่ถ้วน เธอรับความเสียใจนี้ไม่ได้ และผมเองก็ไม่คิดว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 13 ก.ค. จะเป็นการคุยกับลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย” Tran Dinh Dung อายุ 65 ปี ผู้เป็นพ่อ กล่าว
ขณะที่ญาติของเขา เปิดเผยว่า Phu เป็นคนที่มีลักษณะจิตใจดี อ่อนโยน โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่ยุ่งมาก ๆ กับการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ นอกเหนือจากการเป็นช่างแต่งหน้าแล้ว เขายังเปิดสอนการแต่งหน้า ซึ่งที่ผ่านมาเขาได้ช่วยให้คนที่ตกงาน ไม่มีงานทำ กลับกลายเป็นคนที่มีความสามารถอีกครั้ง ตอนนี้ครอบครัวกําลังรอข้อมูลอย่างเป็นทางการจากทางการเวียดนาม และเรียมทำนําร่างของ Phu กลับบ้าน รวมทั้งต้องการชี้แจงทางคดีเพื่อให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ
ด้าน ลูกศิษย์ของ Phu หลายคนก็เดินทางมายังบ้านพักที่เวียดนามเพื่อสอบถามความคืบหน้ากับทางครอบครัว โดยพวกเขาทุกคนต่างทราบเพียงว่า อาจารย์ของพวกเขาจะเดินทางกลับมายังเมืองดานังในวันที่ 14 ก.ค. แต่เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 15 เขาก็ยังไม่กลับมา และไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้
เรียบเรียง ejan.co