สืบนครบาล รวบ “อิฐ บางแม่นาง” อดีตวิศวกร-นักกีฬายิงปืน ลักลอบขายกระสุนปืนให้ลูกค้าผ่านออนไลน์ทั่วประเทศ
วันนี้ (8 ส.ค.67) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักสืบ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 5
เข้าจับกุมตัว นายธัชชัย (สงวนนามสกุล) หรือ “อิฐ บางแม่นาง” อายุ 38 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 95/226 จังหวัดนนทบุรี โดยกล่าวหาว่าจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสืบสวนจับกุมตัวได้ภายในร้านส่งพัสดุเอกชน สาขาบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
โดยพบตัวขณะขับรถยนต์ส่วนตัวนำถุงผ้าใบขนาดใหญ่ซึ่งภายในมีกล่องพัสดุลักลอบบรรจุกระสุนปืนขนาดต่างๆ เพื่อนำไปจัดส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้ารอจนนายธัชชัย ส่งพัสดุเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับขึ้นรถยนต์ได้แสดงตัวและตรวจค้น ซึ่งนายธัชชัย รับว่าตนนำเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ มาจัดส่งจำหน่าย
ผลการตรวจค้น สามารถตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 13 รายการ รวมตรวจยึดกระสุนปืนได้ทั้งหมด 885 นัด จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธัชชัยว่า กระทำความผิดจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
เบื้องต้นนายธัชชัย ให้การภาคเสธ โดยให้การว่าเดิมทีทำงานเป็นวิศวกรโยธาของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ก่อนลาออกมารับงานวิศวกรฟรีแลนซ์ เนื่องจากมีความชื่นชอบการยิงปืนตั้งแต่อายุ 21 ปี จึงได้ฝึกฝนในเชิงกีฬาจนมีความชำนาญ และรู้จักคนในวงการยิงปืน และวงการจำหน่ายกระสุนปืน ตลอดจนอุปกรณ์บีบีกัน จึงหันมาจำหน่ายกระสุนปืนขนาดต่างๆ และอุปกรณ์บีบีกันเป็นรายได้เสริม ไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ตัวการในข้อหามีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับอนุญาตให้มี และจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อปี 65 ตามเลขคดี ที่ 14/65
ทั้งนี้ จากการนำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้าน จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนขนาด .357 ซึ่งมีใบอนุญาตของบุคคลอื่นซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนโรงพักพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายในคราวเดียวกัน จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.บางใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางจำนวน 13 รายการ คือ
1.กล่องพัสดุ สีน้ำตาล ภายในบรรจุเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
2.กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ NRC จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
3.กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ50 นัด รวม 100 นัด )
4.กล่องพัสดุ สีน้ำตาล ภายในบรรจุ อาทิ เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 LR ยี่ห้อ Aguila จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ 50 นัด รวม 100 นัด ) เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 LR ยี่ห้อ ELEY จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ 50 นัด รวม 100 นัด) เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 เกจ ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (25 นัด) พร้อมด้วย ใบเสร็จ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพลส (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 แผ่น
5.กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 แม็กนัม ยี่ห้อ Armscor จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
6.กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
7.กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) และ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Sellier&Bellot จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
8.กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ยี่ห้อ Federal premium จำนวน 1 กล่อง (10 นัด)
9.กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Federal จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) และ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Sellier&Bellot จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
10.กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
11.กล่องพัสดุสีน้ำตาลภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
12.กล่องพัสดุสีน้ำตาล (กล่องเปล่า) จำนวน 20 กล่อง
13.ถุงใส่ของพลาสติก แบบถือ ลายสีขาว-ดำ (ใช้สำหรับบรรจุกล่องพัสดุมาจัดส่ง จำนวน 1 ใบ
รวมตรวจยึดกระสุนปืนได้ทั้งหมด 885 นัด
ทั้งนี้ การซื้อขาย ครอบครอง และพกพาอาวุธปืนต้องขอใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากซื้อขายอาวุธปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ผู้ขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท หากประชาชนพบเห็นการซื้อขายอาวุธปืนออนไลน์ หรือพบเห็นบุคคลที่ชอบพกพาอาวุธปืนออกมาในที่สาธาณะ ให้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB”
เรียบเรียง ejan.co