แม่โร่แจ้งความตร. ขอให้ช่วยตามเงินลูกสาว หายจากบัญชี 5 แสนบาท โล่งอก ตร.รับช่วยเหลือ เร่งสอบเส้นทางการเงิน โอนเข้า-ออก อย่างไร สอบผู้เสียหายอีกครั้ง
กรณี น.ส.เบญจวรรณอายุ 35 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากธนาคาร 2 ธนาคาร ที่ปัดความรับผิดชอบเนื่องจากเงินในบัญชีหายไป 530,000 บาท แต่ธนาคารอ้างว่า ตนเป็นคนทำธุรกรรมเอง ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง ทั้งที่ยืนยันกับธนาคารว่า ไม่เคยโอนเงินไปต่างประเทศ คนในครอบครัวมีแต่ตนเพียงคนเดียวที่ทำธุรกรรมได้ ลูกชายอายุ 7 ขวบกับ 4 ขวบ พ่อแม่อายุ 59 ปี ไม่รู้การใช้แอปธนาคาร แต่ธนาคารยังยืนยันว่า มีการโอนผ่านแอป โดยน.ส.เบญจวรรณโต้ ไม่รู้จักใครจะโอนทำไม ไม่ค้าขายผ่านต่างประเทศ
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 นางประกอบ สุพะนาม อายุ 53 ปี แม่ น.ส.เบญจวรรณ ผู้เสียหาย เดินทางมาที่ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อขอให้ตำรวจช่วยเหลือติดตามเส้นทางเงินที่แท้จริงให้ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสำคัญต่อลูกสาวที่จะเก็บไว้สร้างบ้าน และเป็นเงินหยาดเหงื่อของลูกเขยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศส่งมาให้
นางประกอบ ยืนยันด้วยว่า ทางครอบครัวไม่มีใครใช้แอปธนาคารโอนเงินเป็น มีเพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้นที่ทำธุรกรรมทางการเงินได้ เมื่อทางธนาคารปฏิเสธการช่วยเหลือ จึงจำเป็นต้องมาพึ่งตำรวจมาช่วย ตอนนี้เริ่มมีความหวังมากขึ้นแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.อนันต์ ทองบรรเทิงผกก.สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง กล่าวว่า เมื่อชาวบ้านมาร้องขอความช่วยเหลือตำรวจต้องมีหน้าที่ เบื้องต้นจะตรวจสอบหาเส้นทางการเงินก่อน โดยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เส้นทางการเงินของธนาคารที่เกิดขึ้น มีการโอนเข้า โอนออกอย่างไร
ซึ่งจะต้องสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด ทางตำรวจพร้อมที่จะช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหน่วยงานใด แล้วมาวิเคราะห์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากบุคคลใด
ตำรวจ สภ.หนองสองห้อง ขอความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับมิจฉาชีพที่มักจะมาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
เรียบเรียง khaosod.co.th